tr?id=1543387775907290&ev=PageView&noscript=1

เส้นทางรถไฟ

  • icn_TW.png
  • icn_Gp.png

รถไฟ รถไฟฟ้า

ประเภทของรถไฟในญี่ปุ่น

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีความพัฒนาด้านระบบทางเดินรถไฟ ดังนั้นเกือบทุกเขตพื้นที่จึงถูกเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายด้วยเส้นทางรถไฟ มีตารางเวลาที่แน่นอน และรถไฟเข้าออกตรงตามเวลา  ในพื้นที่นอกเขตใจกลางเมืองนั้น อาจจะมีจำนวนเส้นทางรถไฟน้อย และเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายวิ่งหมดเร็ว ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง อาจสำรองที่นั่งได้ลำบากเนื่องจากมีผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก ส่วนในเขตใจกลางเมืองนั้น มีความแออัดมากจนแทบขยับร่างกายไม่ได้ในช่วงเวลาที่ผู้คนเดินทางไปทำงานในช่วงเช้า และกลับจากที่ทำงานในช่วงเย็นของวันปกติ

เส้นทางรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้น ประกอบด้วยเส้นทางรถไฟของ JR group (รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น) ซึ่งเป็นอดีตการรถไฟแห่งชาติของญี่ปุ่น และเส้นทางรถไฟเอกชน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเอกชน ได้แก่ รถไฟใต้ดินของซัปโปโร, เซนได, พื้นที่รอบโตเกียว, นาโกย่า, เกียวโต, โอซาก้า, โกเบ, ฮิโรชิม่า และฟุกุโอกะ นอกจากนั้น เส้นทางรถไฟยังถูกแบ่งออกเป็น โมโนเรล โรปเวย์ และรถรางอีกด้วย ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากในการเปลี่ยนรถไฟ หรือ ซื้อบัตรโดยสาร ดังนั้นเราควรทำการตรวจสอบให้ดีตอนวางแผนการเดินทาง

 

เส้นทางขนส่ง

ในการค้นหาข้อมูลจุดหมายปลายทาง ควรทำการค้นหาข้อมูลรถไฟที่จะขึ้น และที่จะเปลี่ยนรถเอาไว้ล่วงหน้า 
HyperDia
Navitime
 

บัตรโดยสาร

ประเภทของรถไฟ และค่าโดยสาร

กลุ่ม JR  ถูกแบ่งออกเป็น 6 บริษัทตามเขตพื้นที่ ได้แก่ Hokkaido, East, Central, West, Shikoku และ Kyushu ถ้าเป็นเส้นทางรถไฟภายในบริษัท JR ก็จะคำนวณค่าโดยสารร่วมกัน  และแต่ละบริษัทอาจมีการจำหน่ายบัตรส่วนลดพิเศษเฉพาะเขตพื้นที่ของตัวเองด้วย นอกจากนั้นยังมีส่วนลดสำหรับกรณีทีโดยสารรถไฟชินคันเซ็นกับเส้นทางรถไฟสายอื่นๆของ JR (ที่เรียกว่า ไซไรเซ็น) อีกด้วย
ในการโดยสารรถไฟชินคันเซ็น หรือ รถไฟแบบด่วนพิเศษของ JR นั้น จะต้องเสีย "ค่ารถด่วนพิเศษ" เพิ่ม และถ้าต้องการระบุตำแหน่งที่นั่ง จะต้องเสีย "ค่าสำรองที่นั่ง" เพิ่มด้วย สำหรับในกรณีของรถไฟเอกชนนั้น หากเป็นรถไฟที่วิ่งระยะสั้น แม้จะมีป้ายระบุว่า ด่วนพิเศษ หรือ ด่วน ก็ตาม โดยส่วนใหญ่แล้วจะสามารถขึ้นได้โดยใช้เพียงบัตรโดยสารเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรถไฟด่วนพิเศษที่วิ่งในระยะยาว อย่างสาย Kintetsu, สาย Tobu Railway และสาย Odakyu นั้น จำเป็นต้องมีบัตรโดยสารแบบด่วนพิเศษเพิ่ม ควรตรวจสอบรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟ
นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีการเรียกชื่อรถไฟตามจำนวนสถานีที่จอดในแต่ละเส้นทางการเดินรถด้วย คือ Limited Express (ด่วนพิเศษ จอดสถานีใหญ่ๆเท่านั้น), Rapid Express (ด่วนมาก), Express (ด่วน), Semi Express (กึ่งด่วน) และ Local (จอดทุกสถานี) โดยแต่ละประเภทจะมีเวลารถไฟมาถึง และสถานีที่จอดแตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละบริษัทรถไฟมีการนิยาม และเรียกชื่อประเภทแตกต่างกันออกไป ต้องระมัดระวังให้ดี

ในเขตโตเกียว และบริเวณโดยรอบโอซาก้านั้น โดยทั่วไป การใช้บริการนั่งรถไฟเชื่อมบริษัท ราคาค่าโดยสารจะคำนวณร่วมกัน เช่น มีส่วนลดสำหรับการโดยสารต่อเนื่องระหว่างบริษัทรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro และ Toei Subway ในโตเกียว และนอกจากนี้ ในบางพื้นที่ยังมีการจำหน่ายบัตรโดยสารที่สามารถเดินทางโดยใช้รถไฟของบริษัทที่ต่างกันในบัตรเดียวได้ และมีส่วนลดให้ด้วย ส่วนในระดับภูมิภาคนั้น การเดินรถเชื่อมต่อเส้นทางระหว่างบริษัทมีน้อยมาก โดยปกติจึงต้องทำการคำนวณปรับค่าโดยสารที่เครื่องตรวจตั๋วทุกครั้งเวลาที่เปลี่ยนรถไฟ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว บัตร JAPAN RAIL PASS นั้น สามารถใช้โดยสารได้เฉพาะเส้นทางรถไฟของบริษัทในกลุ่ม JR, โมโนเรลจากสนามบินฮาเนดะ และ รถไฟบางส่วนในจังหวัดอาโอโมริ, อิชิคาว่า, และโทยาม่า เท่านั้น

 

การซื้อบัตรโดยสาร และการตรวจบัตรโดยสาร

บัตรโดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ (ภายในระยะทางประมาณ 100 กม.) ที่ถูกแสดงบนป้ายประกาศ และปรากฎบนหน้าจอเครื่องจำหน่ายบัตรนั้น เราสามารถซื้อผ่านเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้ โดยตรวจสอบค่าโดยสารไปยังสถานีปลายทาง กดปุ่มราคาค่าโดยสารนั้น แล้วใส่เงินที่จำนวนที่ต้องการ จากนั้นจะได้รับบัตร เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสารอัตโนมัติที่ให้บริการเป็นภาษาอังกฤษนั้น จะติดตั้งอยู่ในสถานีต่างๆของเมืองใหญ่ๆ นอกจากนี้บัตรโดยสารสำหรับการเดินทางระยะไกลสามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์บริการ โดยแจ้งปลายทางเป็นอันดับแรก (ตัวอย่าง ประตูคามินาริมง อาซากุสะ, วัดคินคาคุจิ เกียวโต) เป็นอันดับแรก แล้วตามด้วยเวลาที่ต้องการเดินทางไปถึง ณ เคาน์เตอร์บริการ และการซื้อบัตรโดยแจ้งเฉพาะชื่อสถานี อาจเกิดความผิดพลาดได้ เพราะสถานีที่แจ้งอาจไม่ได้อยู่ใกล้สถานที่ที่จะไป หรือ รถไฟแบบด่วนพิเศษไม่จอด เป็นต้น ในประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องปกติที่จะมีการแนะนำเส้นทางรถไฟของบริษัทอื่น หากเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางที่เหมาะสม

การตรวจบัตรโดยสารบริเวณตัวเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจบัตรด้วยเครื่องอัตโนมัติ เมื่อเข้าสถานีรถไฟให้เราสอดบัตรในเครื่องตรวจ ประตูกั้นจะเปิด แล้วรับบัตรโดยสารคืนด้านปลายทางของเครื่องตรวจบัตร  โปรดอย่าลืมหยิบบัตรโดยสารนี้ออกมา และในสถานีที่ต้องการจะลงรถไฟ เมื่อสอดบัตรโดยสารในเครื่องตรวจบัตรแล้ว บัตรจะถูกเก็บไป แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับบัตรโดยสาร เช่น บัตรเชื่อมระหว่างสายรถไฟ หรือ บัตรส่งเสริมการท่องเที่ยว จะต้องเก็บบัตรกลับออกมา เหมือนตอนขาเข้า สำหรับสถานีนอกตัวเมืองนั้น มีหลายสถานีที่ไม่ใช้เครื่องตรวจบัตรอัตโนมัติ กรณีนี้เราต้องแสดงบัตรโดยสารแก่ต่อเจ้าหน้าที่สถานี หรือในกรณีที่เป็นสถานีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ให้ใส่บัตรโดยสารในกล่องที่เตรียมไว้

 

วิธีการซื้อบัตรโดยสารรถไฟ JR

ตรวจสอบค่าโดยสารของสถานีที่ต้องการจะไปจากแผนที่ แล้วซื้อตั๋วผ่านเครื่องจำหน่าย โดยกดปุ่ม "English" บนหน้าจอ แล้วข้อมูลจะเปลี่ยนมาแสดงเป็นภาษาอังกฤษ
 

กดปุ่มที่แสดงราคาค่าโดยสารของสถานีที่ต้องการจะไป สำหรับเครื่องที่มีหลายฟังก์ชันการใช้งาน ต้องกดปุ่ม "Ticket" ก่อน แล้วหน้าจอราคาค่าโดยสารจึงจะขึ้นมา

เราสามารถกดปุ่มจำนวนคน ที่แสดงเป็นสัญลักษณ์รูปคนอยู่ด้านนอกหน้าจอบริเวณด้านซ้ายมือ เพื่อซื้อตั๋วสำหรับหลายๆคนได้ในครั้งเดียว (หากไม่กดปุ่มใดๆ จะเป็นการซื้อสำหรับ 1 คน)

เมื่อกดปุ่มจำนวนเงินแล้ว หน้าจอจะแสดงค่าโดยสารที่จะต้องจ่าย และแนะนำวิธีชำระเงินด้วยบัตรเครดิต, บัตร IC Card, ธนบัตร และเหรียญ (ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร) แสดงขึ้นมา ให้เราชำระค่าโดยสารโดยใส่เงินในช่องตามคำแนะนำ

หน้าจอจะแสดงค่าโดยสาร และจำนวนเงินที่ใส่เข้าไป หากไม่มีข้อผิดพลาดให้กดปุ่ม "OK"  หากต้องการใบเสร็จรับเงินให้กดปุ่ม Receipt 

บัตรโดยสาร และเงินทอนจะออกมาจากเครื่อง โปรดอย่าลืมหยิบไป หากต้องการยกเลิกระหว่างการดำเนินการให้กดปุ่ม "CANCEL" หากต้องการเรียกเจ้าหน้าที่ให้กดปุ่ม "Call"

วิธีการซื้อบัตรโดยสารรถไฟใต้ดิน

ตรวจสอบค่าโดยสารของสถานีที่ต้องการจะไปจากแผนที่ แล้วซื้อตั๋วผ่านเครื่องจำหน่าย โดยกดปุ่ม "English" บนหน้าจอ แล้วข้อมูลจะเปลี่ยนมาแสดงเป็นภาษาอังกฤษ

เมื่อหน้าจอภาษาอังกฤษปรากฏขึ้น ให้กดปุ่ม Ticket และกดปุ่มราคาค่าโดยสารของสถานีที่ต้องการจะไป (หากกดปุ่มรูปคนที่อยู่ด้านซ้ายมือ จะสามารถซื้อตั๋วสำหรับหลายคนในครั้งเดียว)

สำหรับรถไฟใต้ดิน อาจมีกรณีที่เส้นทางรถไฟของบริษัทนึงวิ่งเชื่อมต่อกับทางรถไฟของบริษัทอื่น ในกรณีดังกล่าวให้กดปุ่ม Connecting Line แล้วกดปุ่มชื่อเส้นทางการเดินรถ และชื่อสถานี ก็จะสามารถซื้อบัตรโดยสารในราคาพิเศษได้ เช่น  เมื่อใช้บริการของ Tokyo Metro ร่วมกับรถไฟใต้ดินเอกชน Toei Subway หรือ รถไฟใต้ดินเอกชน Toei Subway ร่วมกับรถไฟเอกชนสายอื่น ให้กดปุ่ม "Connecting Line" แล้วจะสามารถซื้อตั๋วเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางนั้นๆได้

ส่วนวิธีชำระเงิน ให้ใส่เงินทางด้านล่างของเครื่องจำหน่ายบัตร ระวังช่องใส่ธนบัตรและช่องใส่เหรียญอยู่แยกกัน

ตั๋ว และเงินทอนจะออกมาจากเครื่อง โปรดอย่าลืมหยิบไป หากต้องการยกเลิกระหว่างการดำเนินการให้กดปุ่ม "CANCEL" หากต้องการเรียกเจ้าหน้าที่ให้กดปุ่ม "Call"

IC Card

บัตร IC  Card เป็นบัตรโดยสารที่สามารถบันทึกข้อมูล จำหน่ายโดยบริษัทรถไฟแต่ละแห่ง มีการบันทึกประวัติการขึ้นลงรถไฟ และเส้นทางที่ใช้บริการ เป็นต้น ในกรณีของระยะทางสั้นๆ  หากชาร์จเงินในบัตรล่วงหน้า ก็จะสามารถขึ้น-ลงรถโดยไม่ต้องซื้อตั๋วเงินสด  ในกรณีที่ขึ้นรถไฟแล้วแต่ยอดเงินในบัตรไม่เพียงพอ หลังจากลงรถไฟ เราสามารถเติมเงินได้ที่เครื่องปรับค่าโดยสาร ก่อนผ่านประตูตรวจบัตรโดยสารออกไป ขอบเขตในการใช้บริการนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท

บัตร IC card สำหรับการคมนาคมในโตเกียว เช่น บัตร Suica ของบริษัท JR East หรือ บัตร PASMO ของบริษัทรถไฟเอกชนในโตเกียวนั้น สามารถใช้ร่วมกันได้ และยังสามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น โดยมีการขยายขอบเขตการใช้เพิ่มขึ้นทุกปี
เวลาซื้อสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบระบุชื่อเจ้าของบัตรหรือไม่ระบุชื่อ ในกรณีที่เป็นแบบระบุชื่อ จะมีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคลไว้ เราจึงสามารถออกบัตรใหม่ได้อีกครั้งถ้าทำหาย นอกจากนั้นแล้ว เวลาซื้อบัตรนี้จะมีค่ามัดจำ (Deposit) ด้วย แต่จะได้รับคืนเมื่อคืนบัตร เราสามารถซื้อ, ขอออกบัตรใหม่ และคืนบัตร ได้ที่เคาน์เตอร์สีเขียวของบริษัทในเครือ JR หรือ ที่สถานีรถไฟใต้ดิน หรือ รถไฟเอกชน ตามแต่บริษัทที่ออกบัตร

แม้ว่าบัตร IC  Card จะมีเงื่อนไขให้ใช้กับเครื่องตรวจบัตรอัตโนมัติ แต่ในกรณีที่สถานีนั้นๆไม่มีเครื่องตรวจบัตรอัตโนมัติ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะโดยส่วนใหญ่ที่สถานีจะมีระบบรองรับ และเจ้าหน้าที่ประจำสถานีที่สามารถดำเนินการให้ได้

 

แนะนำบัตร IC card ทั่วประเทศญี่ปุ่น

ในประเทศญี่ปุ่นมีบัตร IC card อยู่ 10 ประเภท ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันได้ภายในแต่ละเขตพื้นที่
Kitaca (JR ฮอกไกโด), Pasmo (รถไฟเอกชน, รถไฟใต้ดิน และรถบัสในโตเกียว), Suica (JR East และอื่นๆ), manaca (รถไฟนาโกย่า, รถไฟโทโยฮาชิ, รถบัสเมเท็ตซึ, รถไฟใต้ดินและรถบัสที่ดำเนินการโดยเมืองนาโกย่า), TOICA (JR Central), PiTaPa (รถไฟเอกชน และรถไฟใต้ดินในเขตคันไซ, เขตโอกายาม่า, และอื่นๆ), ICOCA (JR West), Hayakaken (รถไฟใต้ดิน และรถบัสที่ดำเนินการโดยเมืองฟุกุโอกะ), nimoca  (รถไฟและรถบัสนิชิเท็ตซึ), SUGOCA (JR คิวชู)

*อย่างไรก็ตาม บัตรของแต่ละบริษัทไม่สามารถใช้ข้ามเขตบริการยาวๆได้
ตัวอย่าง ไม่สามารถใช้บัตร IC card เพียง 1 ใบ เดินทางระยะยาวจากนาโกย่ามายังโตเกียวได้ แต่สามารถนำบัตรนั้นๆใช้เดินทางในโตเกียวได้

วิธีการใช้บัตร IC card

บัตร IC card นั้นไม่ได้เป็นเพียงแต่บัตรโดยสารรถไฟอย่างเดียว แต่ยังเป็นบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถใช้ได้กับ รถบัส, รถแท็กซี่, ตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญ, ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ, ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าภายในสถานีรถไฟที่มีเครื่องอ่านบัตร IC card  เราสามารถเติมเงินได้ที่จุดจำหน่ายบัตรโดยสาร

เมื่อต้องการชำระค่าสินค้า หรือ บริการด้วยบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ให้แสดงบัตรที่จุดชำระเงิน และแจ้งว่าต้องการชำระเงินด้วยบัตรนี้ พนักงานจะบอกที่ตั้งเครื่องอ่านบัตร ให้เรานำบัตรไปแตะที่เครื่องนั้นๆ นอกจากนั้น บัตรที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟร่วมกันได้ ส่วนใหญ่จะสามารถใช้เป็นบัตรเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกันได้ด้วย เช่น บัตร Suica ที่ซื้อที่โตเกียว สามารถใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการที่ซัปโปโรได้ด้วย 


 

วิธีการเติมเงิน

*ในตัวอย่างนี้เป็นการซื้อบัตร PASMO

วิธีซื้อบัตร IC Card  และต้องการเติมเงิน ให้กดปุ่มภาษาอังกฤษบนเครื่องจำหน่ายบัตร หลังจากนั้นให้กดปุ่ม PASMO

เมื่อเมนูปรากฎขึ้น ให้เลือกกดปุ่ม "Purchase new PASMO" หรือ "Charge"

เมื่อเลือกกดปุ่ม Purchase new PASMO จะสามารถเลือกได้ระหว่าง Blank PASMO (ไม่ระบุชื่อเจ้าของบัตร) และ Named PASMO (ระบุชื่อเจ้าของบัตร) ถ้าเลือก Blank PASMO หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นหน้าจอสำหรับเติมเงิน แต่ถ้าเลือก Named PASMO จำเป็นต้องกรอกข้อมูลส่วนบุคคล (เพื่อใช้ในกรณีออกบัตรใหม่เมื่อทำบัตรหาย) หากไม่สะดวกที่จะซื้อผ่านเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร กรุณาติดต่อขอซื้อที่เคาน์เตอร์
 

หน้าจอการเติมเงินนั้นจะเหมือนกันทั้งกรณีซื้อบัตรใหม่ และกรณีเติมเงิน ให้กดปุ่มเลือกจำนวนเงินที่ต้องการจะเติม

ใส่ธนบัตร หรือ เหรียญตามจำนวนเงินที่เลือก

หน้าจอจะแสดงจำนวนเงินที่ใส่, จำนวนเงินที่ต้องการเติม และเงินทอน ในการซื้อบัตรใหม่นั้นจะมีเงินมัดจำ (Deposit) เพิ่ม 500 เยน
*ค่ามัดจำจะได้รับคืนเมื่อคืนบัตร โดยสามารถคืนบัตรได้ที่เคาน์เตอร์
 

กรุณารับบัตร IC Card ที่ออกมาจากเครื่องจำหน่ายบัตร โดยบัตรนี้สามารถใช้ได้ทันที

 

การโดยสารรถไฟ และวิธีการเปลี่ยนรถไฟ

1.การผ่านจุดตรวจบัตรโดยสาร

ตัวอย่างอธิบายวิธีการโดยสารรถไฟของ Tokyo Metro
ให้สังเกตป้ายบอกทางสายรถไฟสายที่ต้องการจะโดยสาร และเดินตามทิศทาง ↑ ที่อยู่บนป้าย

เดินไปยังเครื่องตรวจบัตรโดยสารที่แสดงสัญลักษณ์ ○ หรือ ↓ (ที่ไม่ใช่ ×)  แล้วสอดบัตรเข้าที่ช่องสอดบัตรทางด้านหน้า ในกรณีที่เป็นบัตร IC Card  ให้แตะบัตร IC Card  บนเซ็นเซอร์
*โปรดระวังเครื่องตรวจบัตรที่ไว้สำหรับตั๋วกระดาษโดยเฉพาะ และเครื่องตรวจบัตร IC Card โดยเฉพาะ 

เมื่อสอดบัตรโดยสาร หรือ แตะบัตร IC Card แล้ว ให้เดินต่อไปด้านหน้า หากบัตรมียอดเงินไม่เพียงพอ, บัตรฉีกขาด หรือ แตะบัตร IC Card ไม่ถูกต้อง ประตูทางด้านหน้าของเครื่องตรวจบัตรจะปิด พร้อมกับมีเสียงและสัญญาณไฟปรากฏขึ้น ในกรณีที่เครื่องตรวจบัตรไม่อ่านตั๋ว แม้จะพยายามทำใหม่หลายครั้งแล้วประตูก็ยังไม่เปิด และไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้เรียกเจ้าหน้าที่ประจำสถานี หากไม่มีเจ้าหน้าที่ในบริเวณใกล้เคียง ให้เรียกโดยใช้ Interphone

ตั๋วกระดาษจะออกมาทางด้านปลายเครื่องตรวจบัตร ให้เรารับคืน ส่วนกรณีใช้บัตร IC Card เพียงแค่แตะก็เดินต่อไปได้เลย
เมื่อลงรถไฟ หรือ เปลี่ยนรถไฟ แล้วต้องเดินผ่านเครื่องตรวจบัตร ให้เราทำในลักษณะเดียวกันกับตอนเข้า เมื่อถึงสถานีจุดหมายแล้ว บัตรโดยสารจะถูกเก็บคืน ถ้าต้องเปลี่ยนรถไฟ ให้ใช้จุดตรวจบัตรสำหรับเปลี่ยนรถไฟโดยเฉพาะเท่านั้น แล้วบัตรโดยสารจะกลับออกมาอีกครั้ง นอกจากนี้ บัตรเดย์พาส, บัตรแบบเชื่อมต่อเส้นทาง หรือ บัตรแบบได้ส่วนลด ก็จะกลับออกมาเช่นกัน โปรดอย่าลืมหยิบตั๋วคืน
หากยอดเงินไม่เพียงพอ และไม่สามารถผ่านจุดตรวจบัตรโดยสารไปได้ ให้ไปที่เครื่องปรับราคาบัตรโดยสาร โดยใส่ตั๋วและจำนวนเงินที่ขาดเข้าไปในเครื่อง ถ้าเป็นตั๋วกระดาษ เมื่อการปรับราคาบัตรแล้ว เราจะได้รับตั๋วใหม่ ส่วนบัตร IC Card นั้น เมื่อเติมเงินให้มากกว่า (หรือเท่ากับ) ยอดเงินที่ขาดไปก็จะสามารถผ่านออกไปได้ หากไม่พบเครื่องปรับราคาตั๋ว หรือไม่ค่อยเข้าใจวิธีการ กรุณาสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำสถานี
 

2.การขึ้น และลงรถไฟ

ในการขึ้นรถไฟที่ชานชาลา บนชานชาลาจะมีหมายเลขรถไฟ และตำแหน่งที่รถไฟจะจอดระบุไว้ กรุณาต่อแถวรออยู่ด้านหลังคนที่รออยู่ก่อนหน้า และขณะขึ้นกรุณาให้สิทธิคนที่อยู่บนรถไฟลงรถจากรถก่อน

เมื่อลงรถไฟแล้วกรุณาออกห่างจากรถไฟในทันที ในชานชาลาจะมีเส้นสีขาว หรือ เส้นสีเหลืองที่มีปุ่มบล็อคอักษรสำหรับผู้พิการทางสายตาอยู่ กรุณาอย่าเข้าใกล้รถไฟเกินระยะเส้นที่แสดงไว้

3.การเปลี่ยนรถไฟ

ตัวอย่างอธิบายวิธีการเปลี่ยนรถไฟชินคันเซ็น และไซไรเซ็น (รถไฟอื่นๆนอกเหนือชินคันเซ็น)
การเปลี่ยนรถไฟนั้นมีทั้งกรณีออกจากจุดตรวจบัตรหนึ่งเพื่อไปเข้าอีกจุดตรวจหนึ่ง (ตรวจบัตร 2 ครั้ง) และกรณีออกจากจุดตรวจบัตรสำหรับเปลี่ยนรถไฟโดยเฉพาะ (ตรวจบัตรครั้งเดียว) ในกรณีที่บัตรแบบเชื่อมต่อเส้นทาง หรือ บัตรแบบได้ส่วนลด ต้องระวังไม่เข้าผิดช่อง ถ้าไม่เดินผ่านจุดตรวจตั๋วสำหรับเปลี่ยนรถไฟโดยเฉพาะ อาจจะไม่ได้รับส่วนลด

“Exit” เป็นทางออกจากสถานีไปยังด้านนอก ถ้าเป็นประตูสำหรับเปลี่ยนรถไฟ "Transfer Gate" จะสามารถผ่านไปยังชานชาลารถไฟที่ต้องการขึ้นได้โดยตรง 

ประตูสำหรับใช้เปลี่ยนรถไฟนั้น มีทั้งแบบมีตรวจตั๋วและไม่ตรวจตั๋ว  ในกรณีที่มีจุดตรวจตั๋ว ให้สอดตั๋วกระดาษ หรือ ตั๋วรถไฟด่วนพิเศษในเครื่องตรวจบัตร ถ้าเป็นบัตร IC Card ให้ใช้วิธีแตะบัตร

*หากใช้บัตร JAPAN RAIL PASS ให้เดินผ่านเคาน์เตอร์เท่านั้น

ควรรอรถไฟบริเวณชานชาลา และควรตรวจสอบปลายทางที่รถไฟมุ่งหน้าไป รวมถึงเวลาที่รถไฟขบวนถัดไปจะมา จากข้อมูลรถไฟที่แสดงไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด 

บัตรโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว (เดย์พาส)

ขอแนะนำบัตรโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวในราคาที่คุ้มค่า สะดวกต่อการเดินทางท่องเที่ยวในโตเกียว และโอซาก้า
 

โตเกียว

บัตร Tokyo 1-Day Free Ticket

บัตรโดยสารแบบวันเดย์พาสสำหรับเส้นทางรถไฟ JR บริเวณใจกลางโตเกียว รถไฟใต้ดิน Tokyo Metro และรถไฟใต้ดิน Toei Subway/ 1590 เยน (สามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์สีเขียวของรถไฟ JR, และเครื่องจำหน่ายบัตรโดยสารอัตโนมัติของ Tokyo Metro และรถไฟใต้ดิน Toei Subway)

ตั๋วโตเกียวเมโทรประเภท 24 ชั่วโมง

บัตรโดยสารแบบ 24 ชั่วโมงดย์พาสสำหรับรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro / 600 เยน (สามารถซื้อได้ที่เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสารอัตโนมัติของ Tokyo Metro)

บัตร Tokunai Pass

บัตรโดยสารรถไฟ JR ธรรมดา (รวมถึงรถไฟแบบ Rapid) ใน 23 เขตของโตเกียวที่สามารถเลือกที่นั่งได้ตามอัธยาศัย (รวมถึงรถไฟ Rapid)/ 750 เยน (สามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์สีเขียวของรถไฟ JR และ View Plaza เป็นต้น) หากต้องการโดยสารรถไฟด่วนพิเศษจะต้องมีบัตรโดยสารรถด่วนพิเศษแยกต่างหาก 

บัตร 1-Day Pass สำหรับใช้ร่วมกันระหว่างรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro และรถไฟใต้ดิน Toei

บัตรโดยสารแบบวันเดย์พาสสำหรับรถไฟใต้ดินของทั้งสองบริษัท/ 1000 เยน (สามารถซื้อได้ที่เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสารอัตโนมัติของ Tokyo Metro หรือรถไฟใต้ดิน Toei Subway)

บัตร 1-Day Pass สำหรับสาย Yurikamome

บัตรโดยสารแบบวันเดย์พาส Yurikamome/ 820 เยน (สามารถซื้อได้ที่เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสาร Yurikamome สถานี Shimbashi  หรือ เคาน์เตอร์ของสถานี Toyosu)

โอซาก้า

บัตร 1-Day Pass (Enjoy eco card)

บัตรโดยสารแบบวันเดย์พาสสำหรับรถไฟใต้ดิน รถราง และรถบัสที่ดำเนินการโดยเมืองโอซาก้า 800 เยน (วันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 600 เยน) และสามารถใช้เป็นส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองโอซาก้า จำนวน 30 แห่ง  (*ใช้ได้เฉพาะวันที่ซื้อบัตรโดยสารเท่านั้น) 

บัตร Osaka Amazing Pass (บัตร 1-Day Pass/ 2-Day Pass)

บัตรโดยสารซึ่งสามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในช่วงเวลาที่กำหนด สำหรับรถไฟใต้ดินเอกชนสายหลัก (มีเฉพาะแบบ 1-Day Pass เท่านั้น) รถไฟใต้ดินที่ดำเนินการโดยเมืองโอซาก้า และรถรางภายในโอซาก้า บัตร 1-Day Pass 2300 เยน,  บัตร 2-Day Pass 3000เยน (สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟใต้ดินและรถรางทุกสถานี, จุดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว, โรงแรมใหญ่ๆภายในเมืองโอซาก้า และเคาน์เตอร์ของรถไฟเอกชน (เฉพาะแบบ 1-Day Pass เท่านั้น)) สามารถใช้เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัดโอซาก้าได้ฟรี ประมาณ 28 แห่ง และนอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยคูปองซึ่งสามารถใช้เป็นส่วนลดและรับบริการต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า
 

บัตร Kansai Thru Pass แบบ 3 วัน

บัตรโดยสารแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งสำหรับรถไฟสายหลักในเขตคันไซ รถไฟใต้ดิน และรถบัส ในช่วงเวลาการใช้งาน 3 วันที่คุณพึงพอใจ (สามารถใช้ได้แม้ว่าจะเป็น 3 วันที่ไม่ต่อเนื่องกัน) 5200 เยน (สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟหลักๆ ในเขตคันไซ)สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ต่างจากสถานบันเทิงประมาณ 350 แห่งรอบเขตคันไซ ศาลเจ้า และ พุทธสถาน เป็นต้น


 

รถไฟชินคันเซ็น

ข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟชินคันเซ็น

เส้นทางรถไฟชินคันเซ็น

รถไฟชินคันเซ็นเป็นรถไฟด่วนพิเศษที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือ JR และมีเส้นทางรถไฟพิเศษเฉพาะสำหรับรถไฟชินคันเซ็น  สำหรับ Akita Shinkansen (อาคิตะ – โตเกียว) และ Yamagata Shinkansen (ยามากาตะ –โตเกียว) ในส่วนที่แตกแขนงออกมาจากโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) ที่ใช้เส้นทางเดียวกับทางรถไฟสายไซไรเซ็น (Zairaisen) นั้นในในทางปฏิบัติถือว่าเป็นรถไฟชินคันเซ็น

เส้นทางรถไฟสายพิเศษที่จะเปิดดำเนินการในเดือนมีนาคม ปี 2016 ได้แก่ Hokkaido Shinkansen (ชินฮาโกดาเตะโฮคุโต – ชินอาโอโมริ), Tohoku Shinkansen (ชินอาโอโมริ – โตเกียว), Joetsu Shinkansen (นีกาตะ – โตเกียว), Hokuriku Shinkansen (คานาซาว่า – นากาโนะ - โตเกียว), Tokaido Shinkansen (โตเกียว – ชินโอซาก้า), Sanyo Shinkansen (ชินโอซาก้า – ฮากาตะ) และ Kyushu Shinkansen (ฮากาตะ – คาโกชิมะจูโอ) และมีรถไฟที่เดินรถต่อเนื่องร่วมกันระหว่าง Hokkaido Shinkansen และ Tohoku Shinkansen, Tokaido Shinkansen และ Sanyo Shinkansen, Sanyo Shinkansen และ Kyushu Shinkansen



 

ประเภทของรถไฟชินคันเซ็น และค่าบริการ

มีรถไฟชินคันเซ็นประเภทที่จอดเฉพาะสถานีหลักๆ และประเภทที่จอดทุกสถานี รถไฟแต่ละประเภทมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น รถไฟโทไคโดชินคันเซ็น (Tokaido Shinkansen) เรียกรถไฟความเร็วสูงสุดว่า “โนโซมิ (Nozomi), เรียกรถไฟที่จอดในสถานีเดียวกับรถไฟโนโซมิและอีกหลายๆสถานีว่า “ฮิคาริ (Hikari), และเรียกรถไฟที่จอดทุกสถานีว่า “โคดามะ (Kodama)” 
โดยแต่ละประเภทจะมีค่าโดยสารและความแออัดแตกต่างกันออกไป สามารถเลือกได้ตามจุดหมายปลายทางและกำหนดการของท่าน นอกจากนี้ ต้องระวังว่าบัตร JAPAN RAIL PASS ไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ “โนโซมิ (Nozomi)” ของโทไคโดชินคันเซ็น (Tokaido Shinkansen) และ “มิซุโฮะ (Mizuho)” ของคิวชูชินคันเซ็น (Kyushu Shinkansen)

เกี่ยวกับการระบุที่นั่งนั้น จะมีรถไฟประเภทที่ที่นั่งทั้งหมดเป็นแบบที่ต้องจอง และรถไฟประเภทที่มีทั้งที่นั่งแบบต้องจองและที่นั่งแบบไม่ต้องจอง รถไฟประเภทที่ที่นั่งทั้งหมดเป็นแบบต้องจองนั้นจะจำหน่ายบัตรโดยสารแบบด่วนพิเศษสำหรับยืนในกรณีที่ที่นั่งเต็มเท่านั้น ให้สามารถโดยสารในบริเวณที่เปิดโล่งบนรถไฟได้ นอกเหนือจากนั้นหากซื้อบัตรโดยสารแบบจองที่นั่งแต่ไม่ระบุที่นั่งก็จะไม่สามารถขึ้นรถไฟได้ สำหรับที่นั่งแบบไม่ต้องจองก็จำเป็นต้องมีบัตรโดยสารแบบด่วนพิเศษของที่นั่งแบบไม่ต้องจองด้วยเช่นกัน จำเป็นต้องมีบัตรโดยสารแบบด่วนพิเศษสำหรับที่นั่งแบบไม่ต้องจอง

 

แผนที่เส้นทางรถไฟชินคันเซ็น

วิธีการซื้อบัตรโดยสาร

คำอธิบายวิธีการซื้อบัตรโดยสารรถไฟชินคันเซ็น 

กดปุ่ม "English" ที่เครื่องจำหน่ายตั๋ว

เลือกระหว่าง ที่นั่งระบุหมายเลข หรือ ที่นั่งไม่ระบุหมายเลข หากทำการจองไว้ล่วงหน้ามาแล้ว ให้เลือกปุ่มรับบัตรโดยสาร

เลือกระหว่าง บัตรโดยสารรถไฟชินคันเซ็นเท่านั้น, บัตรโดยสารรถไฟด่วนพิเศษนั้น หรือ ผสมทั้งสองแบบ

เลือกเส้นทางรถไฟชินคันเซ็นที่ต้องการโดยสาร

เลือกสถานีที่จะขึ้นรถไฟ (สถานีแรกสุดที่ขึ้นรถไฟ) 

เลือกสถานีที่จะขึ้นรถไฟชินคันเซ็น (แม้ว่าจะเป็นสถานีเดียวกันกับสถานีแรกสุดที่ขึ้นรถ ก็ต้องเลือกอีกครั้ง)

เลือกสถานีที่จะลงจากรถไฟชินคันเซ็น (ควรระวังว่าอาจเป็นคนละสถานีกับสถานีสุดท้ายที่ลงรถไฟ)

เลือกวันที่จะโดยสารรถไฟชินคันเซ็น โดยสามารถซื้อล่วงหน้าไม่เกิน 1 เดือน

เลือกจำนวนคนที่ต้องการซื้อบัตรโดยสาร หรือ เลือกแบบผู้ใหญ่คู่เด็ก

เลือกซื้อระหว่าง บัตรโดยสาร (บัตรขึ้นรถไฟ) และบัตรรถไฟด่วนพิเศษพร้อมกัน หรือ ซื้อเฉพาะบัตรรถไฟด่วนพิเศษ

เลือกซื้อบัตรโดยสารไปยังจุดหมายปลายทางแบบขาเดียว หรือ แบบไป-กลับ

ยืนยันครั้งสุดท้ายว่าต้องการจะซื้อบัตรโดยสาร หากต้องการเปลี่ยนแปลง ให้กดปุ่มย้อนกลับ หากไม่มีข้อผิดพลาดให้กดปุ่ม OK 

มาถึงหน้าจออธิบายวิธีการชำระเงิน เราสามารถชำระเงินด้วยเงินสด (ธนบัตรและเหรียญ), บัตร IC Card และบัตรเครดิต (ต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำสถานีว่าสามารถใช้บัตรประเภทใดได้บ้าง)

ช่องสำหรับใส่เงินจะแตกต่างกันไปตามวิธีการชำระเงิน กรุณาทำตามวิธีของแบบที่เลือก

หากต้องการใบเสร็จรับเงินให้กดปุ่มตามรูป ถ้าจ่ายด้วยบัตรเครดิตจะมีรายละเอียดการใช้บัตรออกมาด้วย

อย่าลืมรับบัตรโดยสารที่ออกมา

ตัวอย่างบัตรโดยสาร บัตรโดยสารนี้เป็นตั๋วสำหรับขึ้นรถและตั๋วรถไฟชินคันเซ็นรวมกับรถไฟด่วนพิเศษในใบเดียวกัน ต้องระวังกรณีที่บัตรสำหรับขึ้นรถ และบัตรรถไฟด่วนพิเศษอยู่แยกกันคนละใบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการซื้อ

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถไฟ

การหาที่นั่งบนรถไฟชินคันเซ็น โดยทั่วไปรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษของ JR จะแสดงหมายเลขแถวที่นั่ง และอักษร A, B, C … โดยนับจากทางหน้าต่าง ในหนึ่งตู้รถไฟจะมีประมาณ 10 – 20 แถว

 

ภายในรถไฟชินคันเซ็น ทั้งตู้ของที่นั่งระบุหมายเลข และที่นั่งแบบไม่ระบุหมายเลข ใน 1 แถวจะมี 5 ที่นั่ง นับจากหน้าต่างเป็น  A, B, C คั่นด้วยทางเดิน แล้วเป็น D, E หมายเลขแถวจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับทิศทางที่รถไฟวิ่ง บางครั้งหมายเลข 1 อาจจะเป็นแถวสุดท้าย ส่วนตู้ Green Car ใน 1 แถวจะมี 4 ที่นั่ง คือ A, B คั่นด้วยทางเดิน และ C, D ส่วนขบวนตู้ในชั้นแกรนคลาสจะมีรูปแบบพิเศษ ซึ่งจะมีตำแหน่งที่นั่งแตกต่างออกไป 

ที่นั่งของรถไฟชินคันเซ็นจะมีปลั๊กไฟ (ยกเว้นรถไฟบางขบวน) ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบที่มีปลั๊กไฟทุกที่นั่ง หรือ แบบปลั๊กไฟทางฝั่งหน้าต่างเท่านั้น ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถไฟ และทุกที่นั่งเป็นสามารถปรับเอนหลังได้ ในรถ Green Car ยังมีที่พักเท้าด้วย ส่วนที่นั่งในชั้นแกรนคลาสนั้น สามารถปรับเอนหลังด้วยระบบไฟฟ้า

 

รถไฟชินคันเซ็นทุกตู้รถไฟจะมีห้องน้ำ, ห้องน้ำสำหรับเก้าอี้รถเข็น, อ่างล้างหน้า, โทรศัพท์ AED, ถังขยะ, จุดให้นมทารก, ที่เปลี่ยนผ้าอ้อม และห้องพนักงานบริการบนรถไฟ รถไฟชินคันเซ็นนั้น ปกติแล้วเป็นรถไฟปลอดบุหรี่ทุกที่นั่ง จึงมีห้องสูบบุหรี่ติดตั้งไว้ อีกทั้งยังมีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายภายในรถไฟ (แต่รถไฟบางขบวนนั้นไม่มีจำหน่าย เช่น "โคดามะ (Kodama)" ของสายโทไคโดชินคันเซ็น (Tokaido Shinkansen))


 

ภายในรถไฟชินคันเซ็น มีห้องน้ำไว้บริการผู้โดยสาร โดยจะอยู่ที่ตู้รถไฟหมายเลขคี่ และบางขบวนอาจแยกห้องน้ำชาย-หญิง แม้ห้องน้ำส่วนหนึ่งจะเป็นแบบญี่ปุ่น (นั่งยอง)  แต่ขบวนรถไฟใหม่ๆ จะเป็นแบบตะวันตก (โถส้วม) และยังมีห้องน้ำสำหรับรถเข็น ซึ่งมีประตูอัตโนมัติให้บริการอีกด้วย 

เจแปนเรลพาส (JAPAN RAIL PASS)

เกี่ยวกับเจแปนเรลพาส (JAPAN RAIL PASS)

เจแปนเรลพาส (JAPAN RAIL PASS) เป็นบัตรใช้โดยสารที่ใช้ร่วมกันระหว่างบริษัทในเครือ JR ทั้ง 6 บริษัท เป็นบัตรโดยสารที่คุ้มค่ากับการเดินทางด้วยรถไฟไปทั่วทุกที่ในประเทศญี่ปุ่น สามารถใช้รถไฟชินคันเซ็น ซึ่งคุ้มค่ากว่าการซื้อบัตรโดยสารแยกหลายๆครั้ง นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางระยะไกล

 

คุณสมบัติของผู้ใช้บริการ

(1) เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนญี่ปุ่น โดยพำนักอาศัยในประเทศญี่ปุ่นเพียงระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยว
(2) บุคคลที่มีสัญชาติญี่ปุ่น แต่พำนักอาศัยนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้
a. ต้องได้สิทธิพำนักอาศัยถาวรในประเทศเหล่านั้น
b. สมรสกับชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักอาศัยนอกประเทศญี่ปุ่น
 

ประเภทรถไฟ และค่าบริการ

สำหรับใช้กับรถไฟ Green cars ⇒ ผู้ใหญ่: ระยะเวลา 7 วัน 38,880 เยน, ระยะเวลา 14 วัน 62,950 เยน, ระยะเวลา 21 วัน 81,870 เยน
สำหรับใช้กับรถไฟธรรมดา ⇒ ผู้ใหญ่: ระยะเวลา 7 วัน 29,110 เยน, ระยะเวลา 14 วัน 46,390 เยน, ระยะเวลา 21 วัน 59,350 เยน

 

ขอบเขตในการใช้บริการ

สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นของบริษัทในเครือ JR ทุกสาย (ยกเว้น รถไฟขบวน “โนโซมิ (Nozomi)”, “มิซูโฮะ (Mizuho)” (รวมถึงที่นั่งแบบไม่ต้องจองในขบวนเหล่านี้ด้วย)), นั่งรถไฟ Limited Express, Express, Semi Express, รถไฟธรรมดา และ BRT (รถไฟบางส่วนอยู่นอกเงื่อนไข) ได้
*สามารถใช้โตเกียวโมโนเรลได้อีกด้วย
*รถไฟ Aoimori (วิ่งระหว่าง Aomori - Hachinohe) (*เฉพาะการเดินทางผ่านระหว่าง Hachinohe - Aomori, Aomori - Noheji และ Hachinohe - Noheji ด้วยรถไฟ Local หรือ Rapid Express นอกจากสถานี Aomori, Noheji และ Hachinohe แล้ว การลงรถไฟที่สถานีอื่นในเส้นทางรถไฟสาย Aoimori อยู่นอกเหนือเงื่อนไข) 
*รถไฟ IR Ishikawa (ระหว่าง Kanazawa – Tsubata) (*เฉพาะการเดินทางผ่านระหว่าง 2 สถานีนี้ด้วยรถไฟ Local หรือ Limited Express เท่านั้น) ไม่สามารถลงรถไฟที่สถานีอื่นบนเส้นทางรถไฟสายนี้ นอกจากสถานี Kanazawa และ Tsubata ได้
*รถไฟ Ainokaze Toyama (ระหว่าง Toyama – Takaoka) (*เฉพาะการเดินทางผ่านระหว่างสองสถานีนี้ด้วยรถไฟ Local เท่านั้น ไม่สามารถลงรถไฟที่สถานีอื่นบนเส้นทางรถไฟสายนี้ นอกจากสถานี Toyama และ Takaoka ได้)
*ในการเดินทางผ่านเส้นทางของบริษัทรถไฟเอกชนที่มีการเดินรถเชื่อมต่อกับรถไฟ JR โดยตรง อาจมีค่าบริการ, ค่าโดยสารเพิ่มเติม
รถบัสของบริษัท JR สาย Local แต่ละสาย (บางสายอยู่นอกเงื่อนไข และอาจมีการมีแปลงเส้นทางที่สามารถโดยสารได้)
*รถบัสของบริษัท JR ได้แก่ JR Hokkaido Bus, JR Bus Tohoku, JR Bus Kanto, JR Tokai Bus, Nishinippon JR Bus, Chugoku JR Bus, JR Shikoku Bus, JR Kyushu Bus
*ไม่สามารถโดยสารรถบัสด่วนพิเศษของบริษัท JR Bus แต่ละพื้นที่, เรือเฟอร์รี่ JR Nishinipon Miyajima Ferry (Miyajima - Miyajimaguchi)
*ไม่สามารถใช้บริการ Jetfoil ระหว่าง Hakata – Busan (เกาหลีใต้) ของ JR Kyushu Jet Ferry


 

ข้อควรระวังขณะใช้บัตร

ใช้ได้เฉพาะบุคคลที่มีชื่อระบุในบัตรโดยสารเท่านั้น กรุณาแสดงบัตรต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจบัตรโดยสาร ให้เจ้าหน้าที่ประทับตราลงบนบัตรโดยสารหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบ ในขณะใช้บัตรควรพกหนังสือเดินทางไปด้วย และกรุณาแสดงหนังสือเดินทางเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ 

 

วิธีการซื้อ

เนื่องจากไม่สามารถซื้อได้ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนมาญี่ปุ่นควรซื้อตั๋ว Exchange Order จากตัวแทนจำหน่ายดังต่อไปนี้ JTB, Nippon Travel Agency, Kintetsu International, Tobu Top Tours, Japan Airlines*, All Nippon Ariways*, Jalpak และตัวแทนจำหน่ายนั้นๆ

*เฉพาะผู้โดยสารในเที่ยวบินของสารการบินนั้นๆ

 

วิธีการแลกบัตรโดยสาร

เมื่อเดินทางมาถึงญี่ปุ่นแล้ว ให้นำตั๋ว Exchange Order ที่ซื้อมาจากไทย ไปแลกเป็น JAPAN RAIL PASS

JAPAN RAIL PASS จะมีจุดแลกบัตรโดยสารอยู่ตามสถานีหลักๆของสถานี JR ให้แสดง ตั๋ว Exchange Order และหนังสือเดินทาง พร้อมทั้งเอกสารแสดงคุณสมบัติของผู้ซื้อ แล้วเจ้าหน้าที่จะออกบัตรโดยสารให้ 

สถานที่แลกบัตรโดยสาร


 

การจองที่นั่ง

เมื่อนำตั๋ว Exchange Order ไปแลกเป็นบัตร JAPAN RAIL PASS แล้ว เราสามารถจองที่นั่งรถไฟได้ที่เคาน์เตอร์สีเขียวของ JR ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการจองที่นั่ง ในการจองที่นั่งก่อนอื่นให้แสดงบัตร JAPAN RAIL PASS ที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวของสถานี JR, เคาน์เตอร์สีเขียว หรือ บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวที่ JR กำหนด เพื่อออกบัตรโดยสารแบบระบุที่นั่ง

*สำหรับที่นั่งแบบไม่ระบุหมายเลขนั้น สามารถใช้บริการได้โดยแสดงบัตร JAPAN RAIL PASS ส่วนการใช้บริการรถไฟบางประเภท จะต้องเสียค่าบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น ชินคันเซ็นขบวน “โนโซมิ (Nozomi)”, “มิซูโฮะ (Mizuho)”, ห้องส่วนบุคคล, รถนอน, Green Cars (ถ้าถือบัตร JAPAN RAIL PASS แบบ Green Cars สามารถใช้ได้เลย)  หรือ รถในชั้นแกรนคลาส ทั้งนี้มีบางสถานีที่ไม่สามารถออกบัตรแบบระบุหมายเลขที่นั่งให้ได้ หรือ อาจเป็นสถานีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการ


 

บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อ 21/09/2016