- TOP
- ปรับแต่งรายการผลการค้นหา
- สัมผัสเสน่ห์เมืองฮาโกดาเตะ ตอน ชิลๆ 5 ที่เที่ยวเก๋กู๊ด
บทความ
สัมผัสเสน่ห์เมืองฮาโกดาเตะ ตอน ชิลๆ 5 ที่เที่ยวเก๋กู๊ด
ฮาโกดาเตะ (Hakodate) อีกเมืองหนึ่งของเกาะฮอกไกโดที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ และวัฒนธรรมผสมผสานที่ลงตัว นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลที่สดใหม่แล้ว ที่นี่ยังมีวิวยามค่ำคืนอันสวยงามจนติด 1 ใน 3 ของวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในโลก! การเดินทางก็สะดวกสบายเพราะตอนนี้มี "ฮอกไกโด ชินคันเซน" ที่เดินทางจากโตเกียวได้แล้วล่ะ
วันนี้ DiGJAPAN! เลยจะพาไปเจาะลึกเมืองฮาโกดาเตะกันจ้า
・ตอน 1: ชิลๆ 5 ที่เที่ยวเก๋กู๊ด
・ตอน 2: ช้อปตัวแม่-แช่จนฟิน-ชิมพุงกาง-เดินทางสบาย
"เขาฮาโกดาเตะยาม่า" เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใครไม่ได้มาเรียกว่าไม่ถึงฮาโกดาเตะกันเลยทีเดียว! เพราะที่นี่เป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพของเมืองฮาโกดาเตะตอนค่ำได้อย่างสวยงาม เรียกกันว่าเป็น "1 ใน 3 วิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในโลก"! จนมิชลินด้านสถานที่ท่องเที่ยวสุดประทับใจมอบดาวให้ 3 ดวงไปครองเลยจ้า
นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไป 3 นาที ก็ถึงจุดชมวิว ด้านบนยังมีร้านอาหารและร้านขายของฝากด้วยนะ
เขาฮาโกดาเตะยาม่า
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
2. สวนโกเรียวคาคุ
ป้อมปราการเก่าแห่งนี้ปัจจุบันคือ "สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ" อันร่มรื่น ใครเห็นเป็นต้องร้องว้าวววว...เพราะออกแบบมาเป็นรูปดาว 5 แฉกสุดอลังการ และในแต่ละฤดูกาลก็จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันไป
วิวสวยๆหลากสีในแต่ละฤดู มีทั้งสีชมพูซากุระในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม, สีเขียวสดใสช่วงมิถุนายน-กันยายน, สีส้มของใบไม้เปลี่ยนสีช่วงพฤศจิกายน, สีขาวของหิมะช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ และในช่วงกลางคืนของฤดูหนาว ยังมีการเปิดไฟประดับด้วยล่ะ
สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
แต่การจะได้เห็นวิวสวยๆเป็นรูปดาวได้ ก็ต้องมองมาจากด้านบน เราเลยต้องไปขึ้นหอคอย "โกเรียวคาคุ ทาวเวอร์" หอคอยกระจกใสรอบด้าน 360 องศา สูงกว่า 107 เมตร กันก่อนนะ หอคอยนี้มีชั้นชมวิว 2 แห่ง โดยชั้นชมวิวสูงสุดอยู่ที่ระดับ 90 เมตร ทำให้เห็นวิวของสวนสาธารณะโกเรียวคาคุได้อย่างครอบคลุม ยิ่งในช่วงต้นพฤษภาคม ผู้คนนิยมเดินทางมาชมซากุระดาว 5 แฉกกันอย่างคับคั่ง
โกเรียวคาคุ ทาวเวอร์
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
3. โกดังอิฐแดง บริเวณท่าเรือ
บริเวณท่าเรือ หรือ Bay Area เป็นที่ตั้งของ "โกดังอิฐแดงคาเนโมริ" อายุเก่าแก่กว่า 100 ปีล่ะ ซึ่งตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านค้า ร้านคาเฟ่น่านั่งมากมาย ได้มาเดินมานั่งชิลริมทะเล จิบกาแฟอุ่นๆท่ามกลางสายลมเย็นๆ คงฟินที่สุดแน่นอน
โกดังอิฐแดงคาเนโมริ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
ในบริเวณเดียวกันยังมี "ที่ทำการไปรษณีย์กลางเก่า เมจิคัง" อายุหลักร้อย ซึ่งภายในได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านค้าเครื่องประดับประดามุ้งมิ้งๆ ภายนอกเป็นอาคารอิฐแดงที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยสีเขียวในช่วงอากาศอบอุ่น และจะกลายเป็นสีแดงอมส้มช่วงใบไม้ร่วงล่ะ สวยโรแมนติกไปคนละแบบ
ฮาโกดาเตะ เมจิคัง
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
Starbucks ของที่นี่ก็แนวมากๆ แน่นอนว่าเป็นโกดังสีแดงที่ช่างเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศบริเวณท่าเรือนั่นเอง
4. สถาปัตยกรรมตะวันตก บริเวณโมโตมาจิ
เพราะฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่าที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมาเป็นเวลาช้านาน จึงไม่แปลกใจเลยว่าเมืองนี้เขารับอิทธิพลจากฝรั่งมาเยอะพอตัว อย่างบริเวณ "โมโตมาจิ" ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตก โบสถ์อารามมากมาย สวยงามจนอาจหลงไปว่ากำลังเที่ยวอยู่ในยุโรปเลยทีเดียว
สถานที่ในบริเวณนี้ที่ถูกตาถูกใจนักท่องเที่ยวอย่างมากก็คือ "ศาลาว่าการเมืองฮาโกดาเตะเก่า" ที่มีมีอายุกว่า 100 ปี ตัวอาคารที่ทำด้วยไม้ถูกทาด้วยสีฟ้าอมเทาและสีเหลือง ดูสดใส ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ
ศาลากลางเมืองฮาโกดาเตะเก่า
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
ในละแวกเดียวกันก็มี "โบสถ์ออโธดอกซ์รัสเซีย" โบสถ์อันเป็นที่รักของคนในท้องถิ่น และเป็นสัญลักษณ์ของย่านโมโตมาจิเลยล่ะ ผู้คนมักเรียกโบสถ์นี้ว่า "กังกังจิ" หรือแปลได้ว่า โบสถ์ระฆัง เพราะมีเสียงระฆังที่ไพเราะนั่นเอง แถมอาคารต่างๆในบริเวณนั้นยังมีการประดับไฟสวยงาม เปิดให้ชมได้ทุกวันจนถึง 22.00 น. กันเลย
โบสถ์ออโธดอกซ์รัสเซีย
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
"เนินฮาจิมันซากะ" ก็เป็นอีกจุดที่ใครมาเที่ยวต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน เป็นถนนที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ และโฆษณามากมายเลยนะ ช่วงกลางวันก็สดชื่นด้วยวิวอ่าวฮาโกดาเตะและต้นไม้ร่มรื่น 2 ข้างทาง พอพลบค่ำก็จะมีการเปิดไฟประดับสว่างไสว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวจะมีงานไฟประดับอิลูมิเนชั่นสวยงามมากๆอีกด้วย
เนินฮาจิมันซากะ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
5. อุทยานโอนุมะ
นั่งรถไฟด่วนพิเศษออกจากตัวเมืองไปประมาณ 20 นาที ก็จะพบกับ "อุทยานโอนุมะ" เป็นวนอุทยานแห่งชาติชื่อดังอีกแห่งของฮอกไกโดเลย ที่นี่มีทั้งภูเขาและทะเลสาบ งานธรรมชาติมาเต็มมาก เที่ยวกันได้ทุกฤดูเลยล่ะ อย่างในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (ประมาณพฤศจิกายน) ภูเขาและผืนป่าทั่วบริเวณจะกลายเป็นสีส้ม อลังการมาก!
※รถไฟด่วนพิเศษในช่วงเช้ามีอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนช่วงบ่ายมีจำนวนน้อยมาก ควรจัดสรรเวลากันให้ดี หากนั่งรถไฟธรรมดาจะใช้เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ
ส่วนหน้าหนาว (ประมาณธันวาคม - กุมภาพันธ์) ฝูงหงส์จะพากันพักผ่อน เล่นน้ำ เป็นนางแบบจำเป็นให้เราชักภาพงามๆกันได้
ในหน้าร้อน (ประมาณมิถุนายน - สิงหาคม) ก็มาพายเรือแคนนู หรือ ขี่จักรยานก็ได้
อุทยานโอนุมะ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
วันนี้ DiGJAPAN! เลยจะพาไปเจาะลึกเมืองฮาโกดาเตะกันจ้า
・ตอน 1: ชิลๆ 5 ที่เที่ยวเก๋กู๊ด
・ตอน 2: ช้อปตัวแม่-แช่จนฟิน-ชิมพุงกาง-เดินทางสบาย
ชิลๆ 5 ที่เที่ยวเก๋กู๊ด
1. เขาฮาโกดาเตะยาม่า"เขาฮาโกดาเตะยาม่า" เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใครไม่ได้มาเรียกว่าไม่ถึงฮาโกดาเตะกันเลยทีเดียว! เพราะที่นี่เป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพของเมืองฮาโกดาเตะตอนค่ำได้อย่างสวยงาม เรียกกันว่าเป็น "1 ใน 3 วิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดในโลก"! จนมิชลินด้านสถานที่ท่องเที่ยวสุดประทับใจมอบดาวให้ 3 ดวงไปครองเลยจ้า
นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไป 3 นาที ก็ถึงจุดชมวิว ด้านบนยังมีร้านอาหารและร้านขายของฝากด้วยนะ
เขาฮาโกดาเตะยาม่า
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
2. สวนโกเรียวคาคุ
ป้อมปราการเก่าแห่งนี้ปัจจุบันคือ "สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ" อันร่มรื่น ใครเห็นเป็นต้องร้องว้าวววว...เพราะออกแบบมาเป็นรูปดาว 5 แฉกสุดอลังการ และในแต่ละฤดูกาลก็จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันไป
วิวสวยๆหลากสีในแต่ละฤดู มีทั้งสีชมพูซากุระในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม, สีเขียวสดใสช่วงมิถุนายน-กันยายน, สีส้มของใบไม้เปลี่ยนสีช่วงพฤศจิกายน, สีขาวของหิมะช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ และในช่วงกลางคืนของฤดูหนาว ยังมีการเปิดไฟประดับด้วยล่ะ
สวนสาธารณะโกเรียวคาคุ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
แต่การจะได้เห็นวิวสวยๆเป็นรูปดาวได้ ก็ต้องมองมาจากด้านบน เราเลยต้องไปขึ้นหอคอย "โกเรียวคาคุ ทาวเวอร์" หอคอยกระจกใสรอบด้าน 360 องศา สูงกว่า 107 เมตร กันก่อนนะ หอคอยนี้มีชั้นชมวิว 2 แห่ง โดยชั้นชมวิวสูงสุดอยู่ที่ระดับ 90 เมตร ทำให้เห็นวิวของสวนสาธารณะโกเรียวคาคุได้อย่างครอบคลุม ยิ่งในช่วงต้นพฤษภาคม ผู้คนนิยมเดินทางมาชมซากุระดาว 5 แฉกกันอย่างคับคั่ง
โกเรียวคาคุ ทาวเวอร์
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
3. โกดังอิฐแดง บริเวณท่าเรือ
บริเวณท่าเรือ หรือ Bay Area เป็นที่ตั้งของ "โกดังอิฐแดงคาเนโมริ" อายุเก่าแก่กว่า 100 ปีล่ะ ซึ่งตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านค้า ร้านคาเฟ่น่านั่งมากมาย ได้มาเดินมานั่งชิลริมทะเล จิบกาแฟอุ่นๆท่ามกลางสายลมเย็นๆ คงฟินที่สุดแน่นอน
โกดังอิฐแดงคาเนโมริ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
ในบริเวณเดียวกันยังมี "ที่ทำการไปรษณีย์กลางเก่า เมจิคัง" อายุหลักร้อย ซึ่งภายในได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านค้าเครื่องประดับประดามุ้งมิ้งๆ ภายนอกเป็นอาคารอิฐแดงที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยสีเขียวในช่วงอากาศอบอุ่น และจะกลายเป็นสีแดงอมส้มช่วงใบไม้ร่วงล่ะ สวยโรแมนติกไปคนละแบบ
ฮาโกดาเตะ เมจิคัง
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
Starbucks ของที่นี่ก็แนวมากๆ แน่นอนว่าเป็นโกดังสีแดงที่ช่างเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศบริเวณท่าเรือนั่นเอง
4. สถาปัตยกรรมตะวันตก บริเวณโมโตมาจิ
เพราะฮาโกดาเตะเป็นเมืองท่าที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมาเป็นเวลาช้านาน จึงไม่แปลกใจเลยว่าเมืองนี้เขารับอิทธิพลจากฝรั่งมาเยอะพอตัว อย่างบริเวณ "โมโตมาจิ" ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมตะวันตก โบสถ์อารามมากมาย สวยงามจนอาจหลงไปว่ากำลังเที่ยวอยู่ในยุโรปเลยทีเดียว
สถานที่ในบริเวณนี้ที่ถูกตาถูกใจนักท่องเที่ยวอย่างมากก็คือ "ศาลาว่าการเมืองฮาโกดาเตะเก่า" ที่มีมีอายุกว่า 100 ปี ตัวอาคารที่ทำด้วยไม้ถูกทาด้วยสีฟ้าอมเทาและสีเหลือง ดูสดใส ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ
ศาลากลางเมืองฮาโกดาเตะเก่า
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
ในละแวกเดียวกันก็มี "โบสถ์ออโธดอกซ์รัสเซีย" โบสถ์อันเป็นที่รักของคนในท้องถิ่น และเป็นสัญลักษณ์ของย่านโมโตมาจิเลยล่ะ ผู้คนมักเรียกโบสถ์นี้ว่า "กังกังจิ" หรือแปลได้ว่า โบสถ์ระฆัง เพราะมีเสียงระฆังที่ไพเราะนั่นเอง แถมอาคารต่างๆในบริเวณนั้นยังมีการประดับไฟสวยงาม เปิดให้ชมได้ทุกวันจนถึง 22.00 น. กันเลย
โบสถ์ออโธดอกซ์รัสเซีย
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
"เนินฮาจิมันซากะ" ก็เป็นอีกจุดที่ใครมาเที่ยวต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัน เป็นถนนที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ และโฆษณามากมายเลยนะ ช่วงกลางวันก็สดชื่นด้วยวิวอ่าวฮาโกดาเตะและต้นไม้ร่มรื่น 2 ข้างทาง พอพลบค่ำก็จะมีการเปิดไฟประดับสว่างไสว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูหนาวจะมีงานไฟประดับอิลูมิเนชั่นสวยงามมากๆอีกด้วย
เนินฮาจิมันซากะ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
5. อุทยานโอนุมะ
นั่งรถไฟด่วนพิเศษออกจากตัวเมืองไปประมาณ 20 นาที ก็จะพบกับ "อุทยานโอนุมะ" เป็นวนอุทยานแห่งชาติชื่อดังอีกแห่งของฮอกไกโดเลย ที่นี่มีทั้งภูเขาและทะเลสาบ งานธรรมชาติมาเต็มมาก เที่ยวกันได้ทุกฤดูเลยล่ะ อย่างในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (ประมาณพฤศจิกายน) ภูเขาและผืนป่าทั่วบริเวณจะกลายเป็นสีส้ม อลังการมาก!
※รถไฟด่วนพิเศษในช่วงเช้ามีอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนช่วงบ่ายมีจำนวนน้อยมาก ควรจัดสรรเวลากันให้ดี หากนั่งรถไฟธรรมดาจะใช้เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ
ส่วนหน้าหนาว (ประมาณธันวาคม - กุมภาพันธ์) ฝูงหงส์จะพากันพักผ่อน เล่นน้ำ เป็นนางแบบจำเป็นให้เราชักภาพงามๆกันได้
ในหน้าร้อน (ประมาณมิถุนายน - สิงหาคม) ก็มาพายเรือแคนนู หรือ ขี่จักรยานก็ได้
อุทยานโอนุมะ
รายละเอียด: คลิ๊กที่นี่
ไปช้อปแช่ชิมกันต่อ
เที่ยวกันแล้วแต่ภารกิจยังไม่จบ ตามไปเก็บข้อมูลช้อปแช่ชิมและวิธีเดินทางในฮาโกดาเตะกันต่อได้ ที่นี่เลย: ช้อปตัวแม่-แช่จนฟิน-ชิมพุงกาง-เดินทางสบายแผนที่รวมสถานที่ท่องเที่ยวในครั้งนี้
ถ้าชอบบทความนี้ กดถูกใจให้ด้วยนะ
บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อ 28/06/2016 เรื่องโดย:Farng
ความคิดเห็นล่าสุด | 0ความคิดเห็น
หากเป็นสมาชิก DiGJAPAN!
จะสามารถโพสต์คอมเม้นท์ได้
สมัครสมาชิก